ชีวมวล (Biomass) และอนาคตข้างหน้า

วันที่เผยแพร่ 11 ก.ย. 2563

ชีวมวล (Biomass) และอนาคตข้างหน้า


ชีวมวล (Biomass)

  เป็นที่รู้กันดีว่าชีวมวลเป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่สามารถใช้แทนแหล่งพลังงานจากถ่านหินได้ดี ในขณะเดียวกันปัญหาหลักของการนำเอาชีวมวลเข้ามาใช้คือแหล่งที่มาของชีวมวลที่มีอยู่อย่างจำกัดและการนำมาใช้ต้องเป็นไปแบบยั่งยืน โดยต้องไม่มีผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้ว่าชีวมวลจะไม่สามารถทดแทนถ่านหินได้อย่างสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็สมเหตุสมผลที่จะนำมาใช้ให้มากที่สุด เมื่อเทียบในเชิงผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม

  ปัจจุบันทั่วโลกมีการนำเอาชีวมวลเข้ามาใช้ในปริมาณมากอย่างน่าตกใจ ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม และจะมีใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยขึ้น ทำให้สามารถลดปัญหามลภาวะทางอากาศที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ

  ยูคาลิปตัส ไม้โตเร็ว และพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย เป็นหนึ่งในแหล่งวัตถุดิบที่ดีในการแปรรูปเป็นชีวมวลส่งเข้าสู่ตลาดชีวมวลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปี 2561 ประเทศไทยส่งออกชิ้นไม้สับประมาณ 1.86 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,800 ล้านบาท และในปี 2562 ประมาณ 2.49 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 8,070 ล้านบาท ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 34% ในขณะที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 39% จากตัวเลขจะเห็นได้ว่าปริมาณส่งออกเพิ่มในอัตราที่น้อยกว่ามูลค่าการส่งออก นั่นหมายความว่าความต้องการชิ้นไม้สับยูคาลิปตัสในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาส่งออกสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

    บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด กลุ่มธุรกิจในเครือเอสซีจีแพคเกจจิ้ง เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกไม้ไปยังจีนและญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น จากความต้องการใช้ไม้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชีวมวล (biomass) โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นมีความต้องการไม้จากไทยเพิ่มสูงขึ้นปีละ 1-2 ล้านตัน ขณะที่จีนยังต้องการนำไม้ไปแปรรูปอีกจำนวนมาก หรือทาง สปป.ลาวนำเยื่อไม้ไปผลิตเพื่อการส่งออก

    ยูคาสยาม เชื่อมั่นว่าปริมาณความต้องการไม้ยูคาลิปตัสในอนาคตอันใกล้ต้องมีเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งตลาดภายในประเทศ และความต้องการจากทั่วโลก ดังนั้นการปลูกยูคาลิปตัสในปัจจุบันทั้งรูปแบบสวนไม้ขนาดใหญ่หรือแม้แต่รูปแบบไม้แถว บนคันนา หรือริมคลอง ถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจอีกทางเลือกหนึ่ง อีกทั้งยูคาลิปตัสยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างน้อยถึง 3 รอบตัดฟัน ดังนั้นผู้ปลูกลงทุนแค่เพียงการปลูกครั้งแรกหลักจากนั้นเป็นการดูแลทั่วไปโดยไม่ต้องปลูกใหม่อีกอย่างน้อย 3 รอบตัดฟัน หรือประมาณ 12-15 ปี